ตอบ ไม่จริง การนอนคว่ำไม่ได้เป็นการป้องกันโรคแต่อย่างใด แม้แต่ผู้ป่วยโรคโควิด-19 ก็ตาม การนอนคว่ำเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองเท่านั้นไม่ใช่การรักษาให้หายขาดแต่อย่างใด การรักษาผู้ป่วยกลุ่ม ARDS ด้วยการนอนคว่ำมีขั้นตอนดูแลผู้ป่วยอย่างไรให้ปลอดภัย? ตอบ การพลิกตัวผู้ป่วยให้นอนคว่ำแต่ละรายจะใช้เจ้าหน้าที่อย่างน้อย 5 คน ในการปฏิบัติหน้าที่ต่างๆ เช่น การพลิกตัว การตรวจสอบอุปกรณ์ต่างๆ ให้เรียบร้อยรวมถึงตรวจสอบความดันโลหิตและสัญญาณชีพของผู้ป่วยให้คงที่ หลังจากจัดให้ผู้ป่วยนอนคว่ำแล้ว เจ้าหน้าที่จะประเมินการตอบสนองของผู้ป่วยภายใน 30 นาที – 1 ชั่วโมง หากมีการตอบสนองที่ดีขึ้น จึงจะจัดให้ผู้ป่วยนอนคว่ำต่อเนื่องเป็นเวลา 16 ชั่วโมง แล้วสลับให้นอนหงาย 4 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับ และประเมินอีกครั้งว่าจำเป็นต้องนอนคว่ำต่ออีกหรือไม่ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตรียมความพร้อมบุคลากรในการดูแลผู้ป่วยกลุ่ม ARDS อย่างไรบ้าง? ตอบ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เตรียมความพร้อมทั้งในด้านการฝึกอบรมก่อนปฏิบัติงานคือ บุคลากรทุกคนต้องทำการซักซ้อมร่วมกันเป็นทีม ฝึกปฏิบัติเสมือนจริงกับหุ่นช่วยฝึก ทบทวนบทบาทหน้าที่ การส่งสัญญาณกันเพื่อดูแลผู้ป่วยให้ปลอดภัยที่สุดขณะพลิกตัวขณะเดียวกันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ บุคลากรทุกคนต้องสวมใส่ชุดป้องกันแบบ PAPR หรืออย่างน้อยต้องสวมอุปกรณ์ PPE หน้ากาก N95 และหน้ากาก Face Shield เพื่อป้องกันการกระจายตัวของเชื้อไวรัสทางอากาศที่เกิดขึ้ระหว่างการพลิกตัวผู้ป่วย
COVID-19 VS ไข้หวัดใหญ่ อาการต่างกันอย่างไร…???
กินโซดามิ้นท์ ช่วงปี 2563 ประเด็นเรื่อง โซดามิ้นท์ ถูกพูดถึงในโลกโซเชียลว่ามีสรรพคุณบรรเทา และรักษาอาการโควิดได้ ทั้งนี้ในเวลาต่อมาก็มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาให้ความรู้ว่า ความเชื่อนั้นเป็นเรื่องไม่จริง โซดามิ้นท์ (SODAMINT) คือยาลดกรดชนิดหนึ่ง ใช้บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย และ ใช้ในคนไข้โรคไต รศ. ดร.
10 พฤษภาคม 2564 | โดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 19, 723 คนไทยต้องรู้เท่าทันข่าวปลอม ที่เผยแพร่เกี่ยวกับวิธี "ป้องกันโควิด-19" มีอะไรบ้าง? และหาคำตอบว่าความจริงเป็นอย่างไร? ยิ่ง โรคระบาด ใกล้ตัวกับเรามากเท่าไหร่ ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ โรคโควิด -19 ก็ยิ่งไหลบ่าเข้ามามากเท่านั้น และสิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คงหนี ไม่พ้น ข่าวปลอม ที่สร้างความสับสนให้แก่ประชาชน เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจแบบถูกต้อง กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ จึง รวบรวมข่าวปลอม หรือความเชื่อแบบผิดๆ เกี่ยวกับการ "ป้องกันโควิด -19" มาให้รู้เท่าทัน พร้อมเฉลยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องนั้นให้ได้เข้าใจอย่างถูกต้อง 1.
หายใจเข้า-ออก ลึก ๆ 2 รอบ 2. หายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วพ่นลมหายใจออกทางปากให้ยาวที่สุด พร้อมโน้มศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า 3. หายใจเข้า-ออก ลึก ๆ 2 รอบ 4. หายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วพ่นลมหายใจออกทางปากแรง ๆ 2 ครั้ง พร้อมโน้มศีรษะและลำตัวไปด้านหน้า วิธีขับเสมหะด้วยการไอ 1. นั่งโน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย หายใจเข้า-ออกลึก ๆ 2 ครั้ง 2. หายใจเข้าลึกสุด แล้วกลั้นหายใจค้างไว้ 3 วินาที 3. ไอออกมาแรง ๆ เราสามารถขับเสมหะด้วยการฝึกหายใจก็ได้ หรืออยากจะขับเสมหะด้วยการไอก็แล้วแต่สะดวก ทว่าในการขับเสมหะก็มีข้อควรระวัง ดังนี้ * ไม่ควรฝึกหลังจากรับประทานอาหาร เพราะอาจทำให้สำลักอาหารเข้าหลอดลมได้ * ไม่ควรฝึกระบายลมหายใจติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะอาจเกิดอาการเวียนศีรษะ การฝึกหายใจแบบนี้สามารถทำได้ทั้งกับผู้ป่วยและประชาชนทั่วไป โดยสำหรับผู้ป่วยก็จะช่วยฟื้นฟูปอดให้ดีขึ้น ส่วนในคนปกติก็ถือเป็นการบริหารปอดให้แข็งแรง ขอบคุณข้อมูลจาก จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย, Rehab Chula official, เฟซบุ๊ก Anti-Fake News Center Thailand เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มี 10 ข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลก และกรมควบคุมโรค ที่ทำได้ไม่ยุ่งยาก 1. ถ้ามีแผนไปประเทศที่โรคระบาดอยู่ ถ้าไม่จำเป็น ให้เลื่อนการเดินทางออกไปก่อน 2. หลีกเลี่ยงสัมผัสสัตว์ ตลาดค้าสัตว์ หรือสินค้าจากสัตว์ เพราะการพบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรก มาจากสัตว์สู่คน ที่ตลาดค้าอาหารทะเล และค้าสัตว์ที่เมืองอู่ฮั่น 3. ไม่เอาตัวเองไปอยู่ในสถานที่ที่คนหนาแน่น 4. ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้มีอาการทางเดินหายใจ หรือมีอาการเป็นหวัด 5. หากกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง ถ้าเริ่ม มีไข้ ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ ให้รีบไปพบแพทย์พร้อมแจ้งประวัติการเดินทาง 6. โทรแจ้งสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 เพื่อให้รถจากสถานพยาบาลมารับทันที 7. อยู่ห่างจากคนที่ไอหรือจาม 180 เซนติเมตร เพื่อให้พ้นจากรัศมีน้ำลาย และน้ำมูกที่จะกระจายออกมา 8. ล้างมือด้วยน้ำ และสบู่ อย่างน้อย 20 วินาที หรือใช้เจลล้างมือหรือแอลกอฮอล์ 9. กินร้อน ช้อนกลาง อาหารปรุงสุก พักผ่อนให้เพียงพอ 10.
จากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอีกครั้งในพื้นที่ จ. สมุทรสาคร โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมา ต่อมา เพจ "Drama-addict" ได้เผยภาพโปสเตอร์วิธีรับมือเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นภาษาพม่า สถานการณ์ผลตรวจโควิด-19 จ. สมุทรสาคร จากผู้ติดเชื้อรายใหม่ เป็นหญิงไทย อายุ 67 ปี เจ้าของแพปลาในตลาดกุ้งจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นพบกลุ่มแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาในพื้นที่ติดเชื้อโควิดจำนวนมาก ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 ธ. ค. เพจ "Drama-addict" ได้เผยภาพโปสเตอร์เกี่ยวกับโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งเป็นภาษาพม่า เพื่อแพร่เผยความรู้และวิธีป้องกันเชื้อไม่ให้ระบาดไปมากกว่านี้ โดยระบุข้อความว่า "ชาวพม่าทุกคนช่วยกันแชร์โพสต์นี้หน่อยครับ นี่คือ วิธีรับมือโควิด-19 สองคนจากสองประเทศนี้ จะสามารถเอาชนะโชคชะตาที่เลวร้ายนี้ไปด้วยกันได้ คําอวยพรจากประเทศไทย อันนี้เป็นโปสเตอร์ภาษาพม่าเกี่ยวกับ covid-19 โดยมูลนิธิ The Bordeland Health Foundation ครับผม ใครแถวบ้านชาวพม่าอยู่กันเยอะ หรือมีลูกจ้างเป็นชาวพม่าหลายคน เอาไปให้ดูกันได้เลยนะครับ"
กินโซดามิ้นท์ ในช่วงปี 2563 เรื่องประเด็นที่ว่า โซดามิ้นท์ ได้ถูกพูดถึงกันในโลกโซเชียลว่ามีสรรพคุณบรรเทา และรักษาอาการโควิดได้ และในเวลาต่อมาก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านได้ออกมากล่าวให้ความรู้ว่า ความเชื่อในเรื่องนั้นเป็นเรื่องไม่จริงเลย โซดามิ้นท์ (SODAMINT) คือยาลดกรดชนิดหนึ่ง ใช้บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอก อาหารไม่ย่อย และ ใช้ในคนไข้โรคไต รศ. ดร.
หมั่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร การทำความสะอาดรถที่ใช้ขับขี่จะสามารถช่วยทำลายเชื้อโรคได้ โดยภายนอกตัวรถจะใช้วิธีล้างแบบปกติทั่วไป อาจจะมีการผสมน้ำยาฆ่าเชื้อลงในน้ำยาล้างรถเพื่อช่วยฆ่าเชื้อมากกว่าปกติ ส่วนภายในตัวรถอาจจะเช็ดด้วยน้ำเปล่าผสมสบู่ให้ทั่วทุกพื้นที่ ทั้งเบาะนั่ง พวงมาลัย คอนโซลรถ รวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถ และเช็ดน้ำเปล่าอีกครั้งเพื่อเป็นการทำความสะอาดน้ำสบู่ หรือจะใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดทำความสะอาดเพิ่มเติมอีกครั้งเป็นขั้นตอนสุดท้ายก็ได้ 3. สวมหน้ากากอนามัยเมื่อโดยสารร่วมกับผู้อื่น สถานการณ์ตอนนี้ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหนก็จะเห็นผู้คนสวมใส่หน้ากากอนามัยเต็มไปหมด โดยเฉพาะพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่แอดอัดต่างๆ แต่รู้หรือไม่ว่า การนั่งรถด้วยกันหลายๆคนก็มีโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อเช่นกัน เนื่องจากเชื้อไวรัสโคโรน่าสามารถติดต่อกันได้ผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ของมนุษย์ เช่น เสมหะหรือละอองเม็ดฝอยที่ผู้ติดเชื้อไอหรือจามออกมา และการนั่งรวมกันบนรถส่วนตัวนั้น ก็นับว่าเป็นสถานที่แออัดอีกแหล่งที่ควรป้องกันตัวเอง เพราะมีการใช้แอร์ตัวเดียวกันภายในรถ นับเป็นพื้นที่อับ จึงทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อโรคได้ง่ายหากไม่สวมหน้ากากขณะโดยสารร่วมกัน 4.
Sitemap | แบค โฮ ไว โบ ร, 2024