ภิรมย์ กมลรัตนกุล อธิการบดีจุฬาลงกรณ มหาวิทยาลัย, อดีตคณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ, อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาฯ สภากาชาดไทย ที่ปรึกษาโครงการวิจัยและการประชุมสัมมนาเชิงปฏิบัติการระดับภูมิภาค องค์การอนามัยโลก จากแนวคิดของ ศ. นพ. ภิรมย์ กมลรัตนกุล คือการตอกย้ำให้เด่นชัดว่า แวดวงการศึกษาไทยเท่าที่ผ่านมา แม้จะมีการปฏิรูปกันมาหลายครั้ง แต่ก็ยังขาดความสมบูรณ์ และเมื่อโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในศตวรรษที่ 21 ที่กำลังเกิดขึ้นก็ยิ่งดูเหมือนว่า คนไทยจะต้องตระหนักถึง ความเปลี่ยนแปลงนี้ให้มากที่สุด เพราะเท่าที่ผ่านมา การศึกษาไทยของเรายังขาดการปูพื้นฐานเพื่อรองรับการ เปลี่ยนแปลงนี้อย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะ ในเรื่องของการเรียนเพื่อคิด ข้อบกพร่องของคนส่วนใหญ่ สิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุดในเวลานี้คือ การไม่มีสติในการคิด ในการตริตรอง ได้ยินได้รับรู้อะไรมาก็จะเกิดความเชื่อไปตาม ศาสตราจารย์ นพ.
เมื่อคิดถึงเรื่อง "การศึกษา" ครั้งใด ก็อดคิดถึงวิกฤตการศึกษาที่เกิดขึ้นกับสังคมไทยไม่ได้ สภาพการศึกษาไทยซึ่งเป็นผลผลิตจากการปฏิรูปเมื่อ 2 ทศวรรษก่อนหน้าโน้น ส่งผลให้วันนี้เรามีบัณฑิตตกงานอยู่เกือบ 5 แสนคน ธนาคารโลกได้ออกมาย้ำอีกว่าจะสะสมนับล้านคน ถ้าระบบและสถาบันการศึกษาไม่ปรับตัว! ล่าสุดที่มีการสอบทีแคส ปี พ. ศ. 2562 เพื่อรับเด็กเข้ามหาวิทยาลัยทั้งหมด 92 แห่ง จำนวน 3. 9 แสนคน แต่จนถึงวันนี้มีเด็กเข้าเรียนไม่ถึง 3 แสนคน จึงยังมีที่เหลืออีกกว่า 1. 2 แสนคน นี่คือ 'วิกฤตการศึกษา' ซึ่งชี้บอกได้เลยว่า การศึกษาไทยกำลังถูกดิสรัปชั่นอย่างหนัก! หากมองถึงวิกฤตการณ์การศึกษาวันนี้จะพบว่า ไม่ใช่แค่เรื่องการปรับตัวไม่ทันกับความเปลี่ยนแปลงเท่านั้น แต่วิธีคิด (mindset) และวิสัยทัศน์การศึกษายังต้องการการเปลี่ยนแปลงอีกมาก!
งบประมาณของรัฐชาติที่จัดสรรต้องเพียงพอในทุกระดับและทุกระบบของการศึกษา เพราะการศึกษาในกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพนั้นมาจากงบประมาณที่ถูกจัดสรรมากกว่างบซื้ออาวุธยุทโปกรณ์ทางด้านทหาร นอกจากนี้ ปัญหาคอร์รัปชั่นในระบบกระบวนที่ซ่อนเร้นและแอบแฝงจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง 2. การบริหารจัดการของสถานศึกษาที่เอื้อต่อการบริหารจัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการศึกษาถึง "ภูมิการศึกษา (Geoeducation)" ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในลักษณะที่เป็น "เลนส์กว้าง" ซึ่งหมายถึงการบริหารจัดการที่มาจากกระทรวงหรือหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการให้ลดน้อยลงและอีกลักษณะ "เลนส์ละเอียด" ที่การบริหารจัดการต้องมีการถ่ายโยงอำนาจและทำหน้าที่รับผิดในกระบวนการจัดการศึกษาที่ปราศจากการครอบงำและการครอบครองโดยสิ้นเชิง การบริหารจัดการต้องมีลักษณะที่เรียกว่าการพัฒนาแบบหุ้นส่วน (Partnership development) 3. กล่องความรู้ที่ให้ผู้เรียนบริโภคต้องมี "วิตามินทางการศึกษา" ครบถ้วน เนื้อหาควรเปิดกว้างถึงปรากฏการณ์ทางด้านสังคมที่เปิดกว้างและที่มีการเปลี่ยนแปลงเพราะกล่องความรู้นี้จะช่วยพัฒนาทักษะทางด้านสังคมและจริยศาสตร์ของความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ขึ้น 4.
บูรพา ศูนย์ยานยนต์สมัยใหม่ มจพ. ระยอง ศูนย์ระบบราง มทร. ธัญญบุรี-วท. ชลบุรี ศูนย์โลจิสติกส์ มทร. ตะวันออก ศูนย์พาณิชยนาวี ม. เกษตร ศรีราชา ศูนย์พัฒนาการท่องเที่ยว ม. บูรพา ศูนย์พัฒนาอากาศยาน สบพ. -ม. เกษตร ศรีราชา ศูนย์ข้อมูลกลางการพัฒนาบุคลากร มทร. ตะวันออก 6) ยกระดับการศึกษาสู่มาตรฐานสากล เป็นผลจากความร่วมมือพัฒนาการศึกษาและบุคคลากรระหว่างสถาบันกับผู้ประกอบการ การร่วมจัดการศึกษาตอบโจทย์ความต้องการนั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานการประกอบการ ซึ่งการศึกษาก็จะยกระดับขึ้นสู่มาตรฐานสากลโดยปริยาย นี่คือความก้าวหน้าใหม่ที่อยู่ในกระบวนการจัดการศึกษา EEC 7) หยุดปัญหาการว่างงาน ตกงาน และทำงานไม่ตรงตามสาขาที่เรียน เป็นที่รู้กันว่าระบบการศึกษานั้นพิกลพิการ-ตกงานมาก ส่วนที่คนทำมีงานทำเกือบครึ่ง-ไม่ได้ทำงานตามสาขาที่เรียนมา!
ธงชัย สมบูรณ์
การจัดการเรียนรู้ยังต้องเน้นเนื้อหา (Content-based) กล่าวคือ เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (Technology change) เนื้อหาที่เกี่ยวกับมุมมองปรากฏการณ์ของโลกในอนาคต (Global prospective) รวมทั้งการเสริมสร้างสมรรถนะ (Competency-based) ด้านต่างๆ เพื่อการพัฒนาชีวิตให้มีความสุขทั้งในสถานศึกษาและชีวิตจริงในสังคม 5. รากแก้วในการถ่ายทอดข้อความรู้คือครูผู้สอน ด้วยเหตุนี้ครูผู้สอนต้องมีความรู้ที่ใหม่และทันสมัยอยู่เสมอ การขวนขวายหาภูมิคุ้มกันทางด้านวิชาชีพดูเหมือนว่าค่อนข้างน้อย การถ่ายทอดความรู้บางครั้งยังอิงแอบกับลักษณะเดิมหรือบางครั้งยังมีการใช้วาทกรรมเชิงอำนาจในการ "สั่งงาน" มากกว่าการ "สั่งสอน" นอกจากนี้ รากฝอยและรากแขนงของต้นไม้แห่งการเรียนรู้ของผู้เรียนคือ ชุมชนและเทคโนโลยี ชุมชนจะต้องสร้างพลังร่วมพลังพัฒนาเพื่อการเข้าพลังปีติที่ชัดเจนและโดดเด่น เทคโนโลยีที่ช่วยสร้างปฏิพัทธ์เชิงสร้างสรรค์นั้นต้องเป็นเทคโนโลยีที่ไม่มีความกดดัน 6.
ศ. 1981-1990 มีเพียง 1 ใน 5 ที่ผู้ได้รับการศึกษาในระบบ ก่อนจะเพิ่มเป็นเกือบ 2 ใน 3 ในปี ค.
Sitemap | แบค โฮ ไว โบ ร, 2024