หากรู้สึก เวียนศีรษะ บางทีอาจเป็นสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกอาการผิดปกติอะไรบางอย่าง ไม่ใช่แค่ไม่ได้ทานอาหาร หรือพักผ่อนแต่เพียงอย่างเดียว Dr. Shamai Grossman รองศาสตราจารย์ แผนกเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ที่ Harvard Medical School กล่าวว่า "อย่าเพิกเฉย แม้ว่าจะมีอาการเวียนศีรษะแค่เล็กน้อยที่ดูไม่น่าจะเป็นอะไรมาก แต่จริงๆ แล้วอาจเป็นอาการที่เกิดขึ้นหลังจากตกจากที่สูง หรือหากแย่ไปกว่านั้น อาจเป็นอาการที่นำไปสู่อันตรายถึงชีวิตได้เลยทีเดียว" 5 อาการอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายเมื่อรู้สึก "เวียนศีรษะ" 1. ขาดน้ำ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าหากร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการในการทำงานของระบบต่างๆ อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้ เพราะหากคุณขาดน้ำ (รวมไปถึงอาหาร) ระดับเลือดในร่างกายจะลดลง ความดัน โลหิตก็จะลดลง ซึ่งนั่นก็จะทำให้สมองได้รับเลือดไปหล่อเลี้ยงน้อยลง จนทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะได้นั่นเอง ดังนั้นคำแนะนำแรกจึงเป็นการดื่มน้ำ หรือทานอาหารให้เพียงพอ (หากวันนั้นไม่ค่อยได้ดื่มน้ำ หรือทานอาหารเท่าที่ควร) แล้วพักสักครู่จนกว่าร่างกายจะค่อยๆ ฟื้นตัวอย่างช้าๆ หากขาดน้ำมากจริงๆ แพทย์อาจพิจารณาให้สารสะสายอย่าง โพแทสเซียม หรือเกลือเข้าไปในร่างกายได้ 2.
โรคอื่นๆ เช่น 4. 1 พิษของยาต่อหูชั้นใน: มียาจำนวนมากที่กระทบกระเทือนหูชั้นใน ทำให้หูอื้อ หูหนวก หรือเวียนหัว เดินโซเซ เช่น สเตร็ปโตมัยซิน คานามัยซิน แม้แต่ยาที่ใช้แก้อาการเวียนหัว มึนหัว เช่น ไดเมนฮัยดรีเนต ก็ทำให้เกิดอาการเวียนหัว มึนหัวในคนบางคนได้ เพราฉะนั้นถ้าเกิดอาการเวียนหัว มึนหัวหลังการใช้ยา หรือในขณะที่ใช้ยาอยู่ ควรจะลองหยุดยาที่ใช้อยู่ดูก่อน ถ้าอาการเวียนหัว มึนหัวหายไปหลังจากหยุดยา ก็แสดงว่าอาการเวียนหัว มึนหัวน่าจะเกิดจากยานั้น 4. 2 ศีรษะถูกกระทบกระเทือนมาก: การถูกตีหัว การหกล้มหัวฟาดของแข็ง อุบัติเหตุรถหรืออื่นๆ อาจทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือนมาก จนเกิดอาการเวียนหัว มึนหัวหลังจากเหตุการณ์นั้นได้ ในกรณีเช้นนี้ ควรจะหาหมอตรวจกะโหลกศีรษะและสมองให้ละเอียด ว่าต้องทำการตรวจรักษาพิเศษอย่างอื่นหรือไม่ ถ้ากินยารักษาอาการเวียนหัว มึนหัวสักพักหนึ่งแล้วไม่ดีขึ้น 4. 3 หูน้ำหนวก (otitis media) คนที่หูชั้นกลางอักเสบ หรือเป็นหูน้ำหนวก ก็อาจจะเกิดอาการเวียนหัว มึนหัว หรือปวดหัวได้ ต้องรักษาอาการอักเสบของหูหรือหูน้ำหนวกให้ดีขึ้น โดยการกินยาและหยอดยาปฏิชีวนะเข้าในหูข้างที่เป็น หลังจากเช็ดหนองออกจากรูหูให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ (ยาหยอดหู เช่น ยาหยอดหูขององค์การเภสัชกรรม (introfurazone ear drops ขวดละ 2.
Sitemap | แบค โฮ ไว โบ ร, 2024