ต. นพ. ภิญโญ หรรษาจารุพันธ์ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านสูติศาสตร์นรีเวชวิทยาและเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ โรงพยาบาลเจตนิน วารสารวิชาการเจตนิน Vol. 10 No. 1
1. ซีดมาก ตาเหลือง ตั้งแต่อายุ 6 เดือน ถึง 3 ปี 2. ตับโต ม้ามโต เนื่องจากต้องผลิตเม็ดเลือดแดงชดเชยเม็ดเลือดแดงที่ถูกทำลายไป 3. ใบหน้าเปลี่ยนแปลง ได้แก่ โหนกแก้มสูง ดั้งแบน กะโหลกศีรษะหนา ขากรรไกรกว้าง ฟันบนยื่น เนื่องจากมีการสร้างเม็ดเลือดแดงในไขกระดูกเพิ่มขึ้น 4. ผิวคล้ำ เนื่องจากมีภาวะธาตุเหล็กเกินในร่างกาย รวมถึงผิวหนัง 5. หัวใจโต เนื่องจากต้องทำงานหนักในการสูบฉีดเลือดแดงที่มีจำนวนน้อย เพื่อไปเลี้ยงร่างกายให้เพียงพอ และอาจมีธาตุเหล็กไปสะสมที่หัวใจ 6.
ไม่มีอาการเลยหรือมีอาการไม่มาก แต่จะซีดลงเมื่อมีไข้ ไม่สบาย 2.
ควรให้ผู้ป่วยกินอาหารพวกโปรตีน และอาหารที่มี กรดโฟ ลิ กสูง (เช่น ผักใบเขียว เนื้อสัตว์) มาก ๆ เพื่อใช้ในการสร้างเม็ดเลือดแดง 2. อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติทราบว่า โรคนี้เป็นโรคกรรมพันธุ์ติดตัวไปตลอดชีวิต ไม่มีทางรักษาให้ หายขาด แต่ถ้าได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องอาจมีชีวิตยืนยาวได้ควรรักษาที่โรง พยาบาล ที่อยู่ ใกล้บ้านเป็นประจำ ไม่ควรกระเสือกกระสนย้ายหมอ ย้ายโรงพยาบาล ทำให้หมดเปลืองเงินทองโดย ใช่เหตุ 3. แนะนำให้พ่อแม่ที่มีลูก เป็นธาลัส ซีเมียคุมกำเนิด หรือผู้ที่มีประวัติว่ามีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ ไม่ควร แต่งงานกัน หรือจำเป็นต้องแต่งงานก็ไม่ควรมีบุตร เพราะลูกที่เกิดมามีโอกาสเป็นโรคนี้ถึง 1 ใน 4 ( ร้อยละ 25) ทำให้เกิดภาวะยุ่งยากในภายหลังได้ ถ้าหากมีการตั้งครรภ์ ในปัจจุบันมีวิธีการเจาะเอา น้ำคร่ำมาตรวจดูว่าทารกเป็นโรคนี้หรือไม่ ดังที่เรียกว่า "การวินิจฉัยก่อนคลอด" ( Prenatal diagnosis) ถ้าพบว่าผิดปกติ อาจพิจารณาทำ แท้ง 4. ในปัจจุบันสามารถใช้วิธีการพิเศษ เพื่อตรวจดูว่ามีเชื้อกรรมพันธุ์ของโรคนี้หรือไม่ ถ้าเป็นไปได้ ก่อนแต่งงานควรตรวจดูให้แน่นอน
63% สร้างเม็ดเงิน 3. 95 แสนล้านบาท สำหรับ 5 เดือนแรก (ม. )
แจ้งให้แพทย์ทราบเสมอว่ามีภาวะนี้ 2. เมื่อเกิดอาการไม่สบาย ควรปรึกษาแพทย์ไม่ซื้อยารับประทานเอง 3. เมื่อเกิดภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาในทันที 4. หลีกเลี่ยงยา อาหาร หรือสารเคมี ที่อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ 5. เมื่อจะมีบุตร ควรได้รับคำปรึกษาและคำแนะนำจากแพทย์ เพื่อให้ทราบถึงอัตราเสี่ยงของการที่บุตรจะมีภาวะนี้ แต่โดยส่วนใหญ่การมีพันธุกรรมดังกล่าวไม่เป็นข้อบ่งชี้ในการยุติการตั้งครรภ์ การคัดเลือกตัวอ่อน และการตรวจวินิจฉัยก่อนคลอด ขอบคุณข้อมูลจาก ศ. ดร. นพ. วิปร วิประกษิต กุมารเวชศาสตร์ โรคเลือดและมะเร็งในเด็ก สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์เด็ก ชั้น 3 โซน E
พญ. เดือนธิดา ทรงเดช สาขาวิชาโลหิตวิทยาและมะเร็งวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
- โรคธาลัส ซี เมีย เกิดจากความผิดปกติของรหัสพันธุกรรม หรือยีนที่มีหน้าที่สร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง ฮีโมโกลบินนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มโปรตีน 2 ชนิด คือ อัลฟ่าโกลบิน ซึ่งถูกกำหนดโดยโครโมโซมคู่ที่ 16 และ เบต้าโกล บิล ที่ถูกกำหนดโดยโครโมโซมคู่ที่ 11 เมื่อใดที่เกิดความผิดปกติของยีนตัวใดตัวหนึ่งหรือคู่ใดคู่หนึ่ง ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติต่อการสร้างฮีโมโกลบิน ทั้งในแง่ปริมาณและลักษณะ เรียกว่าภาวะ ธาลัส ซีเมีย ความผิดปกติที่ยีนตัวเดียว ทำให้เกิดภาวะแฝง โรคธาลัส ซีเมีย หรือเป็นพาหะ แต่ ถ้าเกิดความผิดปกติขึ้นกับยีนคู่ใดคู่หนึ่ง เรียกได้ว่าเป็น โรค โลหิต จาง ธาลัส ซีเมีย ซึ่งแบ่งได้ 2 ชนิด ดังนี้ 1.
การดูแลทั่วไป ผู้ป่วยต้องมีสุขอนามัยที่ดี สะอาด รับประทานอาหารครบ 5 หมู่ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเพราะผู้ป่วยมีธาตุเหล็กสูงอยู่แล้ว รับประทานยาวิตามินโฟเลทตามแพทย์สั่ง ในเด็กฉีดวัคซีนได้ครบถ้วนเหมือนเด็กปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัคซีนป้องกันตับอักเสบ หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม หลีกเลี่ยงการกระแทกรุนแรงเพราะกระดูกเปราะอาจหักได้ง่าย 2.
หรือใช้บัญชี Facebook ของคุณเพื่อเข้าสู่ระบบใน, กดลิ้งค์ด้านล่าง:
Sitemap | แบค โฮ ไว โบ ร, 2024